สวนผึ้ง ไม่ว่าฤดูนี้ หรือฤดูไหนก็ไปได้ เมืองเล็กๆ น่ารักสุดแสนน่ารักที่ใครๆ ก็อยากไปเยือนสักครั้ง วันนี้ สนุก! ท่องเที่ยว มีโอกาสดีได้เพื่อนพาเที่ยว สวนผึ้ง เป็นไกด์บุ๊คท่องเที่ยวชุด GO เล่มล่าสุด GO สวนผึ้ง มาพาเราไปลั้ลลาเป็นเด็กเลี้ยงแกะ และสัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติก ในดินแดนขุนเขาและสายหมอก ตรอกธารและทุ่งหญ้า
สวนผึ้ง เป็นจุดหมายปลายทางที่ไปได้ง่าย ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ แค่ 2-3 ชั่วโมงโดยการขับรถ ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองทำให้ สวนผึ้ง เป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของบรรดานักท่องโลกยุคใหม่ที่ท้าทายให้ไปเยี่ยมเยือนเสมอ ตามคอนเซ็ปแบบ Go ที่ว่า "เล่มเดียวครบทั้งไปชม ไปชิม ไปช็อป" พร้อมแผนที่ อ่านง่ายใช้ได้จริง 4 สีทั้งเล่ม... ว่าแล้วก็ตาม GO สวนผึ้ง ไปเที่ยวใ้ห้สนุกกันได้เลย
ชม
The Scenery Resort & Farm
โด่งดังขึ้นชื่อจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของสวนผึ้งในเวลาอันรวดเร็ว
และมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย
ปัจจุบันจึงได้เปลี่ยนจากที่พักเป็นจุดแวะพักผ่อนเที่ยวชมฟาร์มและหาซื้อของ
ฝากแบบ One Day Trip อย่าง
เต็มรูปแบบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชมได้มากขึ้น
สิ่งที่ดึงดูดใจฮ็อตฮิตติดลมบนคือ
ความน่ารักของเจ้าแกะขนปุกปุยน่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงฝูงใหญ่ที่ทางรีสอร์ท
เลี้ยงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสตัวเป็นๆพร้อมกับการให้อาหารแกะ
รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆอีกมากมาย เช่น ยิงธนู ขี่ม้า
(สำหรับเด็กๆมีม้าแคระให้ขี่) นั่งรถชมบรรยากาศฟาร์ม
อีกทั้งยังมีมุมเด็ดๆท่ามกลางทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มสดใส
รายล้อมด้วบภูเขาสลับซับซ้อน
ให้คนรักการถ่ายภาพได้โพสท่าถ่ายรูปกันอย่างหนำใจ
ที่อยู่ : 234 หมู่ 7 ตำบลสวนผึ้ง
โทรศัพท์ : 08-1000-6677
เวลาให้บริการ : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00 น. - 18.00 น. วัน เสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.30-18.30 น.
ค่าเข้าชม : ท่านละ 40 บาท (พร้อมหญ้าสำหรับเลี้ยงแกะ 1 กำ และซื้อเพิ่มได้ในราคากำละ 20 บาท)
น้ำตกเก้าชั้น
เดิมชื่อ น้ำตกเก้าโจน แต่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสวนผึ้งมักจะเข้าใจผิดคิดว่าชื่อ "น้ำตกเก้าโจร" และ
ตีความหมายว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของโจรผู้ร้าย
ฟังแล้วน่ากลัวมกกว่าน่ามาท่องเที่ยว
หน่วยงานราชการในพื้นที่จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "น้ำตกเก้าชั้น"
แทน น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงประมาณ 1 กิโลเมตร
จากลานจอดรถจะต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 200 เมตร
ต้นน้ำของน้ำตกแห่งนี้อยู่บนเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และ
มีฝนตกชุกตลอดปี
จึงทำให้มีน้ำซับตลอดเวลาและก่อให้เกิดธารน้ำธรรมชาติไหลผ่านจากตอนกลางของ
เทือกเขาลงมายังด้านล่าง
กลายเป็นน้ำตกที่มีความงดงามไม่น้อยน้ำตกเก้าชั้นมีทั้งสิ้น 14 ชั้น
แต่สามารถเที่ยวได้แค่ 9 ชั้น
เนื่องจากชั้นบนกว่านั้นเป็นเขาสูงชันและเหวลึก
ที่นี่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติของป่าเบญจพรรณที่เต็มไปด้วยพรรณไม้หลากหลาย
ส่วนใครอบากนอนค้างแรมกลางป่าเพื่ออิ่มเอมธรรมชาติให้จุใจ
ก็มีจุดกางเต็นท์ไว้ให้บริการ
ด้านหน้าทางเข้าน้ำตกยังมีร้านอาหารพื้นบ้านจำพวกส้มตำไก่ย่างฝีมือชาวบ้าน
ให้อุดหนุนไปชิมบนน้ำตกด้วย
ที่อยู่ : หมู่ 7 บ้านห้วยผาก ตำบลสวนผึ้ง เวลาเปิด : 6.00 น. - 18.00 น. โทรศัพท์ : 0-3239-5498
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม แต่ต้องเสียค่าจอดรถคันละ 20 บาท
เขากระโจม
เป็นยอดเขาสุดเขตชายแดนระหว่างไทย-พม่า ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาตะนาวศรี
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,045 เมตร
บริเวณนี้เป็นที่อาศัยของของชุมชนชาวกะเหรี่ยงซึ่งอพยพมาจากเมืองทวายประเทศ
พม่า ชาวกะเหรี่ยงเรียกยอดเขานี้ว่า "เขาลันดา" ซึ่งหมายถึง
ภูเขาที่มีที่ราบ ส่วนชื่อ "เขากระโจม"
นั้นได้รับฉายามาจากคนไทยที่เข้าไปทำเหมืองแร่
แล้วมองเห็นยอดเขาดูดล้ายกระโจมของชนเผ่าอินเดียนแดงนั่นเองที่นี่นับเป็น
จุดชมทะเลหมอก ทิวทัศน์ขุนเขาฝั่งพม่า
และชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมแสงแรกแห่งวันที่สวยที่สุดในสวนผึ้ง
การเดินทางขึ้นเขากระโจมค่อนข้างลำบากเพราะเส้นทางลาดชันมากมีเพียงรถขับ
เคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นที่จะพาเราขึ้นสู่ยอดเขาได้
ใครอยากขึ้นไปต้องตื่นแต่เช้ามืด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีถึง 1
ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและความชำนาญของคนขับ)
ระหว่างทางจะได้ชมทิวทัศน์ของผืนป่าเขียวขจีรอบด้านและเห็นสายหมอกเคลื่อน
ตัวอ้อยอิ่งอยู่เหนือหุบเขา
เมื่อถึงยอดเขาก็จะเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาตะนาวศรีที่ทอดตัวยาวไปถึงชายแดน
ประเทศเพื่อนบ้าน ท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้าและอากาศที่หนาวเย็นจับใจ
ข้างบนมีลานกางเต้นท์สำหรับนักท่องเที่ยว
แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆนอกจากห้องน้ำ
ขากลับจากชมทะเลหมอกแนะนำให้แวะเที่ยวน้ำตกผาแดงน้ำตกธรรมชาติที่ซ่อนตัว
อยู่ในราวป่า มีต้นน้ำมาจากห้วยลันดาโดดเด่นด้วยผาหินสีแดงสมชื่อ
ในอดีตเคยเป็นแหล่งน้ำที่ใช้สำหรับร่อนแร่ดีบุกและวุลแฟรม
หากเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูฝนให้ระวังตัวทากด้วย
การเดินทาง : กลุ่มรักษ์เขากระโจมมีบริการให้เช้ารถขึ้นเขาราคาประมาณ 1,600 บาท (โดยสารได้ 8-10 คน)
โทรศัพท์ : 08-6174-7951
ภโวทัยพิพิธภัณฑ์
เรือนไทยหลังใหญ่ห้อมล้อมด้วยร่มไม้ดูครึ้มเย็น มีป้ายบอกด้านหน้าว่า "ภโวทัยพิพิธภัณฑ์ (ภูมิปัญญาชาวบ้าน)" นี้
ก่อตั้งขึ้นจากความตั้งใจของเจ้าของที่ต้องการอนุรักษ์ศิลปะและโบราณวัตถุ
ของไทยไว้ บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ภายในประกอบด้วยอาคารจัดแสดงสองหลักคือ
เรือนทรงไทยหลังใหญ่ สูงสองชั้น สร้างจากไม้เนื้อแข็งหลายชนิด เช่น
ไม้สักทอง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ และไม้แดง
โดดเด่นด้วยการก่อสร้างแบบโบราณแท้ๆ นั่นคือ
ฝาเรือนเป็นไม้เข้าลิ้นที่เรียกว่าฝาปะกนมีเสารองรับน้ำหนักทั้งหมด 94 ต้น
หน้าจั่วแกะสลักด้วยฝีมือช่างพม่าดูมีมนตร์ขลัง ภาพในสว่างไสวด้วยตะเกียง
ส่องให้เห็นวัตถุโบราณที่เจ้าของเก็บสะสมมาหลายปี อาทิ เครื่องแก้วเจียระไน
กาน้ำชาจากเมืองจีน เครื่องกระเบื้องลายคราม
ตลับแป้งและปิ่นทองคำสมัยกรุงศรีอยุธยา
อีกหลังเป็นเรือนทรงไทยหมู่สร้างจากไม้สักทอง
จักแสดงวิถีชีวิตและข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน โดยมีโอ่งมังกร
ของดีเมืองราชบุรีวางเรียงรายอยู่ใต้ถุนบ้าน
นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมรถม้าแบต่างๆและไม้ดอกไม้ประดับของไทยหลากหลาย
พันธุ์ไว้ชมกันด้วย หรือถ้าใครอยากนอนเล่นสักคืน ที่นี่ก็มีห้องพัก รวมทั้ง
ร้านอาหารให้บริการด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น