วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไปเที่ยวสวนผึ้งกันดีกว่า

สวนผึ้ง ไม่ว่าฤดูนี้ หรือฤดูไหนก็ไปได้ เมืองเล็กๆ น่ารักสุดแสนน่ารักที่ใครๆ ก็อยากไปเยือนสักครั้ง วันนี้ สนุก! ท่องเที่ยว มีโอกาสดีได้เพื่อนพาเที่ยว สวนผึ้ง เป็นไกด์บุ๊คท่องเที่ยวชุด GO เล่มล่าสุด GO สวนผึ้ง มาพาเราไปลั้ลลาเป็นเด็กเลี้ยงแกะ และสัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติก ในดินแดนขุนเขาและสายหมอก ตรอกธารและทุ่งหญ้า
สวนผึ้ง เป็นจุดหมายปลายทางที่ไปได้ง่าย ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ แค่ 2-3 ชั่วโมงโดยการขับรถ ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองทำให้ สวนผึ้ง เป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของบรรดานักท่องโลกยุคใหม่ที่ท้าทายให้ไปเยี่ยมเยือนเสมอ ตามคอนเซ็ปแบบ Go ที่ว่า "เล่มเดียวครบทั้งไปชม ไปชิม ไปช็อป" พร้อมแผนที่ อ่านง่ายใช้ได้จริง 4 สีทั้งเล่ม... ว่าแล้วก็ตาม GO สวนผึ้ง ไปเที่ยวใ้ห้สนุกกันได้เลย
ชม
The Scenery Resort & Farm
โด่งดังขึ้นชื่อจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของสวนผึ้งในเวลาอันรวดเร็ว และมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย ปัจจุบันจึงได้เปลี่ยนจากที่พักเป็นจุดแวะพักผ่อนเที่ยวชมฟาร์มและหาซื้อของ ฝากแบบ One Day Trip อย่าง เต็มรูปแบบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเที่ยวชมได้มากขึ้น สิ่งที่ดึงดูดใจฮ็อตฮิตติดลมบนคือ ความน่ารักของเจ้าแกะขนปุกปุยน่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงฝูงใหญ่ที่ทางรีสอร์ท เลี้ยงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสตัวเป็นๆพร้อมกับการให้อาหารแกะ รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆอีกมากมาย เช่น ยิงธนู ขี่ม้า (สำหรับเด็กๆมีม้าแคระให้ขี่) นั่งรถชมบรรยากาศฟาร์ม อีกทั้งยังมีมุมเด็ดๆท่ามกลางทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มสดใส รายล้อมด้วบภูเขาสลับซับซ้อน ให้คนรักการถ่ายภาพได้โพสท่าถ่ายรูปกันอย่างหนำใจ
ที่อยู่ : 234 หมู่ 7 ตำบลสวนผึ้ง
โทรศัพท์ : 08-1000-6677
เวลาให้บริการ : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00 น. - 18.00 น. วัน เสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.30-18.30 น.
ค่าเข้าชม : ท่านละ 40 บาท (พร้อมหญ้าสำหรับเลี้ยงแกะ 1 กำ และซื้อเพิ่มได้ในราคากำละ 20 บาท)
น้ำตกเก้าชั้น
เดิมชื่อ น้ำตกเก้าโจน แต่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสวนผึ้งมักจะเข้าใจผิดคิดว่าชื่อ "น้ำตกเก้าโจร" และ ตีความหมายว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของโจรผู้ร้าย ฟังแล้วน่ากลัวมกกว่าน่ามาท่องเที่ยว หน่วยงานราชการในพื้นที่จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "น้ำตกเก้าชั้น" แทน น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงประมาณ 1 กิโลเมตร จากลานจอดรถจะต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 200 เมตร ต้นน้ำของน้ำตกแห่งนี้อยู่บนเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และ มีฝนตกชุกตลอดปี จึงทำให้มีน้ำซับตลอดเวลาและก่อให้เกิดธารน้ำธรรมชาติไหลผ่านจากตอนกลางของ เทือกเขาลงมายังด้านล่าง กลายเป็นน้ำตกที่มีความงดงามไม่น้อยน้ำตกเก้าชั้นมีทั้งสิ้น 14 ชั้น แต่สามารถเที่ยวได้แค่ 9 ชั้น เนื่องจากชั้นบนกว่านั้นเป็นเขาสูงชันและเหวลึก ที่นี่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติของป่าเบญจพรรณที่เต็มไปด้วยพรรณไม้หลากหลาย ส่วนใครอบากนอนค้างแรมกลางป่าเพื่ออิ่มเอมธรรมชาติให้จุใจ ก็มีจุดกางเต็นท์ไว้ให้บริการ ด้านหน้าทางเข้าน้ำตกยังมีร้านอาหารพื้นบ้านจำพวกส้มตำไก่ย่างฝีมือชาวบ้าน ให้อุดหนุนไปชิมบนน้ำตกด้วย
ที่อยู่ : หมู่ 7 บ้านห้วยผาก ตำบลสวนผึ้ง เวลาเปิด : 6.00 น. - 18.00 น. โทรศัพท์ : 0-3239-5498
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม แต่ต้องเสียค่าจอดรถคันละ 20 บาท
เขากระโจม
เป็นยอดเขาสุดเขตชายแดนระหว่างไทย-พม่า ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาตะนาวศรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,045 เมตร บริเวณนี้เป็นที่อาศัยของของชุมชนชาวกะเหรี่ยงซึ่งอพยพมาจากเมืองทวายประเทศ พม่า ชาวกะเหรี่ยงเรียกยอดเขานี้ว่า "เขาลันดา" ซึ่งหมายถึง ภูเขาที่มีที่ราบ ส่วนชื่อ "เขากระโจม" นั้นได้รับฉายามาจากคนไทยที่เข้าไปทำเหมืองแร่ แล้วมองเห็นยอดเขาดูดล้ายกระโจมของชนเผ่าอินเดียนแดงนั่นเองที่นี่นับเป็น จุดชมทะเลหมอก ทิวทัศน์ขุนเขาฝั่งพม่า และชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมแสงแรกแห่งวันที่สวยที่สุดในสวนผึ้ง
การเดินทางขึ้นเขากระโจมค่อนข้างลำบากเพราะเส้นทางลาดชันมากมีเพียงรถขับ เคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นที่จะพาเราขึ้นสู่ยอดเขาได้ ใครอยากขึ้นไปต้องตื่นแต่เช้ามืด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและความชำนาญของคนขับ) ระหว่างทางจะได้ชมทิวทัศน์ของผืนป่าเขียวขจีรอบด้านและเห็นสายหมอกเคลื่อน ตัวอ้อยอิ่งอยู่เหนือหุบเขา เมื่อถึงยอดเขาก็จะเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาตะนาวศรีที่ทอดตัวยาวไปถึงชายแดน ประเทศเพื่อนบ้าน ท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้าและอากาศที่หนาวเย็นจับใจ ข้างบนมีลานกางเต้นท์สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆนอกจากห้องน้ำ
ขากลับจากชมทะเลหมอกแนะนำให้แวะเที่ยวน้ำตกผาแดงน้ำตกธรรมชาติที่ซ่อนตัว อยู่ในราวป่า มีต้นน้ำมาจากห้วยลันดาโดดเด่นด้วยผาหินสีแดงสมชื่อ ในอดีตเคยเป็นแหล่งน้ำที่ใช้สำหรับร่อนแร่ดีบุกและวุลแฟรม หากเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูฝนให้ระวังตัวทากด้วย

การเดินทาง : กลุ่มรักษ์เขากระโจมมีบริการให้เช้ารถขึ้นเขาราคาประมาณ 1,600 บาท (โดยสารได้ 8-10 คน)
โทรศัพท์ : 08-6174-7951
ภโวทัยพิพิธภัณฑ์
เรือนไทยหลังใหญ่ห้อมล้อมด้วยร่มไม้ดูครึ้มเย็น มีป้ายบอกด้านหน้าว่า "ภโวทัยพิพิธภัณฑ์ (ภูมิปัญญาชาวบ้าน)" นี้ ก่อตั้งขึ้นจากความตั้งใจของเจ้าของที่ต้องการอนุรักษ์ศิลปะและโบราณวัตถุ ของไทยไว้ บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ภายในประกอบด้วยอาคารจัดแสดงสองหลักคือ เรือนทรงไทยหลังใหญ่ สูงสองชั้น สร้างจากไม้เนื้อแข็งหลายชนิด เช่น ไม้สักทอง ไม้มะค่า ไม้ประดู่ และไม้แดง โดดเด่นด้วยการก่อสร้างแบบโบราณแท้ๆ นั่นคือ ฝาเรือนเป็นไม้เข้าลิ้นที่เรียกว่าฝาปะกนมีเสารองรับน้ำหนักทั้งหมด 94 ต้น หน้าจั่วแกะสลักด้วยฝีมือช่างพม่าดูมีมนตร์ขลัง ภาพในสว่างไสวด้วยตะเกียง ส่องให้เห็นวัตถุโบราณที่เจ้าของเก็บสะสมมาหลายปี อาทิ เครื่องแก้วเจียระไน กาน้ำชาจากเมืองจีน เครื่องกระเบื้องลายคราม ตลับแป้งและปิ่นทองคำสมัยกรุงศรีอยุธยา อีกหลังเป็นเรือนทรงไทยหมู่สร้างจากไม้สักทอง จักแสดงวิถีชีวิตและข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน โดยมีโอ่งมังกร ของดีเมืองราชบุรีวางเรียงรายอยู่ใต้ถุนบ้าน นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมรถม้าแบต่างๆและไม้ดอกไม้ประดับของไทยหลากหลาย พันธุ์ไว้ชมกันด้วย หรือถ้าใครอยากนอนเล่นสักคืน ที่นี่ก็มีห้องพัก รวมทั้ง ร้านอาหารให้บริการด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น