: เรา
ยังไม่เคยเห็นบลูโรส หรือดอกกุหลาบสีน้ำเงินแท้ๆ กันเลย
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะธรรมชาติของต้นกุหลาบนั้นไม่อาจสร้างเม็ดสีน้ำเงินได้
นั่นเอง
แต่จากเทคโนโลยีด้านยีนที่พัฒนาขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน
ทำให้เป้าหมายของนักปรับปรุงพันธุ์กุหลาบที่จะสร้างดอกกุหลาบสีน้ำเงินได้มา
ถึงแล้ว และไม่ใช่แต่จะอยู่แต่เพียงในห้องปฏิบัติการเท่านั้น
บัดนี้กุหลาบดอกสีน้ำเงินได้รับการสร้างเสริมคุณสมบัติให้มีอายุการบานดอก
ที่นานขึ้น แถมมีกลิ่นหอม และทนฟรอส หรือน้ำค้างแข็งได้อีกระดับหนึ่ง
จีเอมโรส (กุหลาบจีเอม
หรือกุหลาบที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงยีนแล้วจะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม
อาจหาชื่อได้ทั่วไปในกลุ่มประเทศอียูปัจจุบัน)
เราเคยเขียนถึง
ฟลอริยีน (Florigene) ไปแล้วว่าเป็นบริษัทที่เป็นผู้สร้างและผู้นำการตลาด
เรื่องบูลโรส บริษัทนี้มีกลุ่ม ซันตอรี (Suntory)
ของญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือพูดง่ายก็เป็นเจ้าของนั่นแหละ
บริษัทนี้มองการณ์ไกลไปถึงผลกำไรมหาศาลที่จะได้รับจากผลการสร้างสรรค์สิ่ง
ใหม่แก่ชาวโลก ซึ่งมีศักยภาพการตลาดที่สูง
ถึงแม้เศรษฐกิจตกต่ำกำลังก่อตัวละมีผลกระทบไปทั่วโลก
แต่เราต้องไม่ลืมว่าธุรกิจไม้ตัดดอกนั้นมีเม็ดเงินหมุนเวียนสูงถึง 4
หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และดอกกุหลาบนั้นมีส่วนแบ่งในด้านการตลาดถึง 1
หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
ผู้ปลูกกุหลาบทุกคนพยายามไขว่คว้า
หากุหลาบสายพันธุ์ที่ให้ดอกสีน้ำเงินมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว
แต่บริษัทฟลอริยีนนับเป็นบริษัทแรกที่สามารถสร้างกุหลาบพันธุ์นี้ออกมาได้ใน
ที่สุด แต่หลายคนก็ยังขอดค่อนว่า “นี่ก็ยังไม่ใช่บลูแท้
ดูมันจะออกไปทางม่วงเสียซะมาก” แต่ผู้บริหารซันตอรี
ก็เชื่อว่ามันใกล้เป้าหมายที่สุดแล้ว
สีที่เปลี่ยนแปลงไปในกลีบ
กุหลาบนั้นเป็นผลมาจากการถ่ายยีนซึ่งพบในแอฟริกันไวโอเล็ต
ซึ่งควบคุมการสร้างเม็ดสีน้ำเงิน ซึ่งเราเรียกว่าเดลฟินิดีน (Delphinidin)
ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงหาทางทำให้ยีนของกุหลาบซึ่งปกติจะสร้างเม็ดสีแดง
และส้มเปลี่ยนแปลงไป
ในปี พ.ศ. 2539
ฟลอริยีนทำพันธุวิศวกรรมเปลี่ยนแปลงยีนของไม้ตัดดอกไปแล้ว
ระยะแรกเขาทำคาร์เนชั่นสีม่วงอ่อนที่เรียกกันว่า มูนดัสท์ (Moondust)
ออกมาจวบจนปัจจุบัน เขาผลิตคาร์เนชั่นจำนวนกว่า 75
ล้านดอกได้ส่งขายกระจายไปทั่วโลก
บริษัทฟลอริยีนพัฒนางานต่อไปอีก
โดยได้ส่งสายพันธุ์ไม้ตัดดอกจีเอ็มเหล่านี้กว่า 2 โหลออกทดสอบในแปลงปลูก
หลังจากที่ได้รับอนุมัติแล้ว โดยมี ต้นแววมยุรา (Torinia) สีเหลือง
ซึ่งหายากมากในเมืองไทยแม้ในพ.ศ.นี้
วิธีใช้ยีนเทคโนโลยีดังกล่าวกำลังทำให้ได้ลักษณะใหม่ๆ เช่น
-กลิ่น
หอมแนวใหม่
นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งฟลอริดากำลังทดลองเพื่อให้ได้กลิ่นหอมของ
กุหลาบหลายกลิ่น ซึ่งเคยสูญหายไปในระหว่างกระบวนการผสมพันธุ์แบบปกติ
-การ
ยืดอายุการบานดอกระหว่างการปักแจกัน นัก วิจัยที่มหาวิทยาลัยฮานโนเวอร์
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กำลังพัฒนาวิธีการที่จะทำให้ยืดอายุการบาน
หรือลดความเหี่ยวของดอกบลูเบลส์ (Bulebells) พันธุ์เฟลมมิ่ง เคชีส์
และแคนเตอเบอรี่อยู่
-ปรับปรุงความต้านทาน
สำหรับดอกพิทูเนียและพอยเซตเตีย (คริสต์มาส)
โดยให้ทนทานต่ออากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง
ซึ่งผลทำให้ได้พิทูเนียที่ทนอุณหภูมิ -6
องศาเซลเซียสได้โดยไม่เกิดความเสียหาย
แต่ยังไม่อาจผลิตพันธุ์สู่ตลาดได้จนกว่าจะถึงพ.ศ. 2554
สำหรับผู้
ที่เป็นลูกค้าดอกไม้ของอียูคงจะพอใจ
และคลายความหวาดหวั่นลงได้บ้างเมื่อกฎหมายบังคับให้ต้องติดป้ายเตือนให้เห็น
อย่างชัดเจน เช่น ในกรณีของคาร์เนชั่นพันธุ์ มูนไลท์ (Moonlite) ว่า
“ผลิตภัณฑ์นี้เป็นคาร์เนชั่นที่ผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงยีน” และ
“ไม่เหมาะแก่การนำไปให้มนุษย์หรือสัตว์บริโภค” |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น