วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

10 อันดับของใช้เทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน


10 อันดับของใช้เทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน

1. Computer - ขาดเธอเหมือนขาดใจ ทุกสิ่งในชีวิตชั้นอยู่กับเธอ ขี้เกียจสาธยายเพราะมันมีทุกอย่างจริงๆ
2. Flashdrive - ต้องใช้คู่กันเพราะคอมชั้นห่วยต้องพึ่งคอมชาวบ้านเขาตลอด มีจุเยอะยิ่งเก็บข้อมูลได้เยอะขึ้นมากเลย ใช้มาตั้งกะรุ่น 256MB ตอนขยับไปใช้ 2GB แล้ว แต่ก็ยังเหมือนไม่จุใจพอ อนาคตอาจจะมีถึง 16 GB ก็ได้ใครจะรู้

  usb comida
3. Nitendo Wii & Playstaion Portable (PSP) - หากไม่ได้ใช้คอมรองลงมาก็สิ่งนี้แหละ...ที่เป็นความบันเทิงใจ PSP ใช้เล่นเน็ตได้บ้าง แต่ตอนซื้อลืมไปว่ามันใช้ภาษาไทยไม่ได้ฉะนั้นก็เข้าได้แต่เว็บภาษาอังกฤษล่ะนะ แต่ก็สู้ใช้คอมจริงๆ ไม่ได้อยู่ดี รองลงไปก็เกม DS เกมในคอมไม่ได้เล่นนานมากแล้ว เพราะใช้ทำธุระล้านแปด ไม่มีเวลามานั่งเล่นเกมในคอมหรอก...เสียเวลา

Playstaion 2 
4. TV โทรทัศน์ - หากมี wii แต่ไม่มีทีวีจะเล่นได้ไหมล่ะ? ไว้ใช้ดูหนัง+การ์ตูนด้วย ไม่ค่อยใช้ดูรายการตามปกติเท่าไหร่ ถ้าเปิดก็ไม่ลืมรายการโมเดิร์นไนน์การ์ตูน กับแก็งค์การ์ตูนแน่


Television
5. เครื่องเล่น DVD - คนในบ้านใช้ดูหนังกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราไว้ใช้ฟังเพลงมากที่สุด เพราะคุณเธอขยันโหลด MP3 มาฟังเหลือเกิน เก็บไว้ฟังในคอมอย่างเดียวไม่พอแน่ ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็เปิดฟังตลอด  แล้วก็ใช้ดูการ์ตูนใช้ยามที่รู้สึกว่าดูการ์ตูนในทีวีแล้วไม่สะใจ ส่วนหนัง...ไว้พ่อยืมคนอื่นมาถึงจะได้ดู

dvd 
6. ตู้เย็น - เป็นคนกินเก่ง ที่เก็บเสบียงประจำบ้านจึงสำคัญมาก น้ำเย็นๆ ชื่นใจ กับ Pepsi Max สุดซ่าก็ขาดไม่ได้
7. Microwave - ปกติไม่ค่อยเห็นค่า แต่ตอนมันเจ๊งถึงได้รู้ว่า...ชีวิตมันช่างยากลำบากกับการจัดหาอาหารเหลือเกิน
8. พัดลม - เพราะขี้ร้อนมั้ง ปกติเป็นคนไม่ใช้แอร์จนกว่าจะหมดความอดทน เธอจึงเป็นของขาดไปแล้วจะร้อนรนมาก


 fans 
9. มือถือ - อืมม์...สำหรับคนอื่นคงสำคัญ แต่เราไม่อ่ะ...ที่ใช้ชั่วคราวอยู่นี่ก็ของพ่อ ของตัวเองพอหายก็ขี้เกียจจะมีใหม่ ปกติก็ไม่ได้ใช้โทรคุยกับใครให้คุ้มกับค่าโทร.เล้ย...ยยย ตอนไม่มีก็รู้สึกจำเป็นเฉพาะเวลาเร่งด่วนเท่านั้น ปกติก็คงมีไว้ใช้ถ่ายรูปกับฟังเพลงเท่านั้นแหละ...
10. หม้อหุงข้าว - ถึงไม่มีก็ไม่น่าเป็นไร เพราะกินข้าวบ้านคนอื่นประจำ ไม่ช่าย...เพราะข้าวซื้อกินเอาได้ แต่คนในบ้านจะชอบ


ให้หุงเอาไว้เสมอๆ พอเหลือก็ใส่ตู้เย็น ยามจะกินก็อุ่นใน'เวฟเอา

เฟอร์บี้คืนชีพ ดารามีส่วนหรือไม่ !




 




กลายเป็นของเล่นอินเทรนด์ยอดฮิตอันดับหนึ่งไปแล้วสำหรับตุ๊กตา “เฟอร์บี้” หลังเหล่าดาราต่างแห่ร่วมโพสต์รูปภาพคู่กับของเล่นชิ้นใหม่ล่าสุดผ่านโซ เชี่ยลเน็ตเวิร์ก จนทำให้ของเล่นชิ้นนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งที่จริงๆ แล้วตุ๊กตา “เฟอร์บี้” เคยเป็นที่นิยมมาแล้วตั้งแต่ปี 2548 และได้หายไปพร้อมกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นด้วยการทำตามกระแส แต่ที่แน่ๆ การกลับมาครั้งนี้ของเจ้าของเล่นชิ้นนี้มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ที่สามารถพูด ได้ ให้อาหารได้ และสามารถแสดงความรู้สึกได้ โดยการเล่นผ่านแอพพลิเคชั่นในไอโฟน บวกกับความน่ารักจนทำให้เป็นที่นิยมไปได้ไม่ยากนัก ซึ่งสกู๊ปพิเศษ ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้าเลย ขอจับกระแสสอบถามเหล่าซุป’ตาร์ คนดังคิดอย่างไรกลับการฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เหล่าดารามีส่วนในการสร้างกระแสหรือไม่ พร้อมคำแนะนำดีๆหากใครที่ชอบเกาะกระแส ดาราแนะนำอย่างไร
“เต๋อ” ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
“ผมเพิ่งรู้จักเฟอร์บี้ไม่นานไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ได้ยินคนพูดบ่อย ที่รู้จักเพราะมีน้องคนหนึ่งเอามาเลยได้เห็นว่าเป็นตุ๊กตาที่พูดได้ดูน่ารัก อยากมีไว้มั้ยผมว่ามันแล้วแต่คนครับ แต่สำหรับผมขอพูดกับมนุษย์ดีกว่าเพราะสามารถโต้ตอบเราได้ดีกว่าครับ ผมว่าการเล่นเฟอร์บี้เป็นรสนิยมครับใครที่ชอบ ชีวิตมีเฟอร์บี้แล้วมีความสุขก็ดี แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานว่าต้องไม่ลำบากกับชีวิตเรา คือถ้าเราไม่มีเงินแล้วต้องพยายามเก็บเงินหรือขอยืมเงินคนอื่นมาซื้อผมคิด ว่าไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้ สำหรับเรื่องที่เฟอร์บี้กลับมาฮิตอีกครั้งแน่นอนครับ ดาราหรือคนมีชื่อเสียงก็มีส่วนเพราะเป็นอาชีพที่คนจับตามองอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาทำอะไรคนที่ชอบดาราคนนั้นก็อยากจะทำเหมือนกันก็อาจเป็นที่มา ของกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นสำหรับคนที่ทำตามกระแสผมอยากบอกว่าจริงๆ แล้วคนเรามีเสน่ห์ในแบบของเรา บางครั้งการที่เราพยายามจะเป็นคนอื่นมันทำให้เสน่ห์ของเราหายไป ผมคิดว่าเอาดารามาเป็นคติในการดำเนินชีวิตบางอย่างดีกว่าเอามาเป็นทุกอย่าง ของเราครับ”
“วุ้นเส้น” วิริฒิพา แย้มนาม
“ไม่ได้เล่นค่ะ แต่ก็ดีใจด้วยที่มีของเล่นใหม่เกิดขึ้นมาค่ะแล้วแต่คนชอบ ส่วนตัวไม่ได้ชอบเล่นตุ๊กตาขนาดนั้น ส่วนที่เฟอร์บี้กลับมาดังอีกครั้งดารามีส่วนมั้ยวุ้นคิดว่ามีนะเพราะบางคน โพสต์อินสตาแกรมเล่นกันบางคนก็พูดกันปากต่อปากก็ทำให้เป็นกระแสได้ วุ้นคิดว่าการที่ดาราทำให้เกิดกระแสอินเทรนด์ต่างๆ ขึ้นมากมายก็เป็นเรื่องที่ดีนะไม่งั้นใครจะเป็นคนสร้าง เพราะว่าเราเหมือนเป็นสื่อกลางอยู่แล้ว และทำให้คนเห็นว่าตอนนี้เรากำลังสนใจในเรื่องของอะไรกันอยู่ เพราะอย่างนัก เรียน-นักศึกษาเขาจะไปสื่อทางไหน มันเลยทำให้ดารากลายเป็นคนนำเทรนด์ ส่วนดาราคนไหนนำเทรนด์ในทางที่ผิดคนนั้นก็ไม่สมควรอยู่ในวงการนะคะและมัน ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนด้วยว่าจะเลือกอะไร ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่ดาราเลือกจะเป็นเรื่องที่ดีเสมอไปถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ เหมาะกับเราก็ไม่จำเป็นต้องเลือกก็ได้ทำในสิ่งที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า”
“แพนเค้ก” เขมนิจ จามิกรณ์
“ไม่ได้เล่นค่ะ การที่กระแสเฟอร์บี้กลับมาดังคิดว่าเป็นเพราะความชอบของแต่ละคนมากกว่า การที่กระแสฮิตต่างๆ กลับมาดังดารามีส่วนไหม แพนคิดว่า เราก็เป็นคนเบื้องหน้าอยู่แล้วเราก็น่าจะเป็นแบบอย่างให้กับหลายๆ คนที่ติดตามเราอยู่ ซึ่งแพนคิดว่าอยากให้ทุกคนเลือกทำในสิ่งที่เราชอบ และเหมาะกับเราดีกว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความชอบ และการตัดสินใจของเราค่ะ”

“หมาก” ปริญ สุภารัตน์
“เล่นครับ มีสีขาว แต่เล่น 5 นาที แล้วเลิกเลย คือผมซื้อตุ๊กตาเฟอร์บี้มานานมากตั้งแต่ไปที่ญี่ปุ่นซึ่งเมืองไทยยังไม่ฮิต เลย ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้ผมคิดว่าเขาฮิตจริงๆ นะผมก็ว่าเล่นกันได้ครับแต่ขอให้มีสาระนิดหนึ่ง อยู่ในขอบเขตอย่าไปบ้าอะไรเกินไปอย่าใช้ค่าใช้จ่ายที่มันเกินตัวเกินไปแล้ว กัน เฟอร์บี้เดี๋ยวนี้ก็มีแต่งสี พรอพเครื่องประดับอะไรเยอะแยะ ผมว่าดาราก็มีส่วนนะครับในการที่ทำให้เกิดกระแสต่างๆ ดาราบางคนก็บ้าเฟอร์บี้เหมือนกันครับ (หัวเราะ) ผมก็อยากแนะนำว่าถ้ามีโอกาสเล่นก็เล่นได้ แต่อย่าให้มันเกินตัว และอย่าให้โดนหลอกครับ”
“โก๊ะตี๋” เจริญพร อ่อนละม้าย
“ผมไม่ได้เล่นครับ แต่ผมว่ามันก็ดีเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องขี้ ไม่ต้องเรื่องมาก เลี้ยงในไอโฟน มันดีสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับสัตว์เลี้ยง ส่วนที่เฟอร์บี้กลับมาดังอีกครั้งผมก็ไม่รู้นะว่าเป็นเพราะดาราหรือเปล่า แต่ผมว่ามันก็เหมือนทามาก๊อต มันมาเดี๋ยวมันก็ไปมันไม่ได้ดังไป 10-20 ปีหรอก ที่มันกลับมาดังได้เพราะเมื่อก่อนไม่มีแอพพลิเคชั่นในไอโฟนก็เลี้ยงตามปกติ แต่เดี๋ยวนี้พอมันมีแอพในไอโฟนสามารถให้อาหารได้ สามารถบ่มเพาะอุปนิสัยของเขาได้มันเป็นนวัตกรรมที่มาใหม่แน่นอนว่าพอคนเห็น ก็เห่อ ซึ่งเป็นวัฏจักรของโลก การที่มันกลับมาดังหรือการที่เกิดเทรนด์ต่างๆ บางครั้งอาจไม่ได้เป็นเพราะกระแสดารา เพราะดาราผิดก็มีเยอะมันเป็นสไตล์ของเขา อาจมีบ้างที่ทำตามเดี๋ยวผมจะเอาอีกอย่างมาเล่นให้คนฮิตตาม “ลูกข่าง”คนที่ทำตามกระแสผมว่าเป็นสามัญสำนึกของเขาว่าเขาจะอยากเลียนแบบ หรือไม่ เป็นสิทธิ์ของเขาเพราะเขามีเงิน มันก็ไม่ผิด”
“ชิน” ชินวุฒ อินทรคูสิน
“ผมไม่เล่นครับเชื่อว่าอีก 3 เดือน กระแสก็คงหมดแล้วครับ อย่างน้ำชาก็ชวนผมว่า ซื้อมั้ยแต่พอเขาซื้อมา 2 ตัว เล่นไหมไม่เล่นเลยครับผมเลยไม่ซื้อดีกว่า ผมว่าการที่เฟอร์บี้กลับมาดังอีกครั้งดารามีส่วนในการสร้างกระแสแน่นอนครับ เพราะเวลาเขาจับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด บางคนพอเล่นอันนี้แล้วมันน่ารักเลยทำให้คนอยากที่จะเล่นตามด้วย สำหรับคนที่ซื้อมาแล้วถ้าเล่นแล้วสนุกก็เล่นกับมันไปเถอะเพราะมันเป็นของ เล่น คือให้เราสนุกกับมัน แต่ถ้าซื้อเพราะตามกระแสแล้วไม่ได้เล่นกับมันก็อย่าซื้อเลยดีกว่าครับ”
“โม” อมีนา พินิจ
“เล่นบ้างค่ะ ตามกระแสเล็กน้อย คิดว่าเป็นของสะสมน่ารักๆ ดีกว่า มีสีฟ้าชมพูค่ะมีตัวเดียวพอแล้ว ที่ซื้อเพราะกระแสเนอะแล้วอีกอย่างมันก็น่ารักดีค่ะ ที่เฟอร์บี้กลับมาดังดารามีส่วนมั้ยโมคิดว่าดีแล้วค่ะอีกอย่างมันเป็นของ เล่นตามยุคตามสมัยอนาคตอาจมีอย่างอื่นอีกก็ได้ใครจะไปรู้ คือเราสามารถทำตามเทรนด์ได้แต่ก็ต้องดูผลลัพธ์ที่เกิดจากมันด้วยว่าเรามีไว้ เพื่ออะไร ถ้าตามกระแสก็ไม่ต้องมีเยอะมากก็ได้แค่ตัวสองตัวก็พอแล้ว”

“โบ” ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์
“เล่นเฟอร์บี้ค่ะ เป็นสีเหลือง หูสีฟ้า ชื่อจุ๊บแจง ที่เราเล่นเพราะน้องสาวบอกว่าพี่โบถ้าไม่มีไม่ได้นะไม่งั้นจะเป็นคนที่ตกเท รนด์ต้องมีๆ เราเลยได้รับความกดดันจากน้องสาวค่ะแล้วอีกอย่างหนึ่งตั้งแต่ตอน ป.5 เฟอร์บี้มันเคยฮิตไปแล้วครั้งหนึ่งตอนนั้นเราอยากมีมากแต่ว่ามันฮิตช่วงใกล้ เคียงกับทามาก๊อต จำได้ว่าเคยขอคุณแม่ว่าอยากเล่น แต่คุณแม่บอกว่าซื้อทามาก๊อตให้แล้วตั้ง 5-6 ตัว แล้วจะเอาอะไรอีกตอนนี้เลยคิดว่าจะต้องมีเฟอร์บี้กับเขาสักทีค่ะ ที่มันกลับมาฮิตอีกครั้งดารามีส่วนมั้ยโบคิดว่าส่วนหนึ่งค่ะ เพราะตัวของมันเองก็มีความน่าสนใจของมันอยู่แล้วด้วยเมื่อสองสิ่งมาประจบกัน มันเลยทำให้กลายเป็นที่ฮิตมาก จริงๆ โบก็ไม่ค่อยสนับสนุนอะไรสำหรับคนที่ซื้อตามกระแสอยู่แล้ว โบอยากให้ถามตัวเองดีกว่าค่ะว่าชอบจริงๆหรือเปล่า แล้วตัวเองอยากได้จริงๆ หรือเปล่า ถ้าเราคิดว่าไม่ได้ตามกระแสเราซื้อมาแล้วเล่นจริงแท้แน่นอน เมื่อเราได้มาก็จะมีความสุขก็ซื้อ แต่ถ้าซื้อมาแค่จะถ่ายรูปลงอินสตาแกรมโบก็คิดว่าเงินที่ใช้ไปน่าจะเอาไปใช้ ประโยชน์ได้มากกว่านี้ค่ะ”
ฟลุ๊ค-จิระ ด่านบวรเกียรติ (C-Quint)
จริงๆ แล้วเฟอร์บี้มันมีมานานแล้วนะ 8-9 ปีได้ แต่ที่ไม่ฮิตคงเพราะรุ่นก่อนหน้านี้ไม่มีโปรแกรมที่พูดภาษาได้ พอสมัยนี้ปรับปรุงตุ๊กตาใหม่ให้พูดภาษาได้ทำให้มีความเข้าใจ ใช้ชีวิตร่วมกับคนได้จึงทำให้กับมาฮิตอีกครั้ง และอีกอย่างผมว่าสีสันของเฟอร์บี้ก็เป็นที่ดึงดูดให้คนสนใจ โดยเฉพาะวัยรุ่นผู้หญิงที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ ในความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าเหมาะกับคนที่อยู่คนเดียว มันช่วยแก้เหงาได้ดีนะ ถ้าถามว่าดารามีส่วนไหม ผมคิดว่าดารามีอิทธิพลทุกเรื่องครับไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น พฤติกรรม หรือเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของเรา ฉะนั้นหน้าที่ของดารา หรือคนที่อยู่ในสื่อต้องทำตัวให้ดี เพราะเราเป็นคนของสังคม ไม่ว่าเราจะทำอะไรย่อมเป็นที่จับตามองของคนทั่วไปครับ”
“พิชญ์” พิชญ์ กาไชย (C-Quint)
ผมคิดว่าที่เฟอร์บี้กับมาฮิตอีกครั้งอาจจะเป็นเพราะ รุ่นของตุ๊กตาที่เปลี่ยนไป คือทันสมัย และเข้าไปใช้ชีวิตอยู่กับคนได้มากขึ้น สามารถเป็นเพื่อนกับเราในเวลาเหงาได้ ด้วยขนาดตัวที่เล็กพกไปไหนมาไหนด้วยได้ ทำให้ดึงดูดให้คนหันมาเล่นกันครับ ผมว่าดารามีอิทธิพลกับกระแสเฟอร์บี้แน่นอนครับ เพราะเวลาที่ดาราทำอะไรทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของประชาชนตลอด อย่างเช่นเสื้อผ้าที่ดาราใส่วันนี้แล้วมันฮิต คนทั่วไปก็หาซื้อมาใส่เพื่อให้เหมือนกับดาราที่ตัวเองชอบ ฉะนั้นดารามีอิทธิพลทุกอย่างนะครับไม่ใช่แต่เรื่องเฟอร์บี้ ผมว่ามันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนมากกว่า”
“ไมค์” พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล
“จริงๆ ผมไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้เท่าไรครับ คือผมว่ามันแล้วแต่มุมมอง และทัศนคติของแต่ละคนมากกว่าที่จะเลือกชอบอะไร มันไม่มีผิดถูกนะเป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ อีกอย่างผมว่าเป็นเรื่องของกระแส และธุรกิจด้วย เมื่อมีกระแสเฟอร์บี้เกิดขึ้นมาก ธุรกิจก็เกิดตามมาซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ แต่เราต้องยอมรับว่าดาราเป็นตัวช่วยอย่างดีที่ทำให้เฟอร์บี้ได้รับความนิยม ขนาดนี้ครับ คือตัวดาราเองเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่ปลุกกระแส หรือเทรนด์ต่างๆ ให้เกิดขึ้น ประชาชนก็ควรเลือกทำตามแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ตัวเองชอบ”
ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ (หวาย กามิกาเซ่)
“คิดว่าเราทุกคนเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นกระแส เป็นเทรนด์ ที่มาใหม่ เหมือนเราเพิ่งได้ของมาแล้วเราเห่อของใหม่จริงๆ หวายว่าเรื่องนี้มันเป็นแบบนั้นแหละค่ะ คือถ้าเราไม่ได้ชอบ หรืออยากได้จริงๆ ก็ไม่ควรซื้อมาเพราะเห็นว่ามันกำลังเป็นกระแสและทุกคนมีกัน ดาราเองที่เป็นตัวปลุกกระแสนี้ให้เกิดขึ้น คือเมื่อดารามีคนอื่นๆก็อยากมีตามดารามันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมไทย หรือสังคมต่างประเทศ ส่วนตัวหวายมองว่ากระแสเฟอร์บี้มันเป็นอะไรที่น่ารักนะ ไม่อยากให้คนอื่นๆ มองในแง่ร้ายค่ะ อยากให้มองเป็นเรื่องธรรมดา ยิ้มๆ กัน”





ที่มา : http://www.naewna.com/entertain/41830

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คำสอนของแม่ (พระในบ้าน)


 คำสอนของแม่ (พระในบ้าน)

 แม่คงสอนให้ลูกฉลาดไม่ได้    ลูกต้องเรียนรู้และฉลาดด้วยไหวพริบและกึ๋นของลูกเอง                                

แม่อยากให้ลูกคิด และมองโลกในแง่ดี อย่าคิดว่าใต้ฟ้านี้มีแต่เรื่องทำไม่ได้ เป็นไม่ได้ หัดคิดให้เป็นบวกไว้แหละดี                                                                                                                                                                                 

แม่อยากให้ลูกหัดฝัน เมื่อไรลูกฝันเป็น ..ไม่ว่าจะเป็นใฝ่ฝัน หรือความฝัน ลูกจะรู้ว่าโลกนี้มันน่าอยู่เพียงไหน

แม่อยากให้ลูกพูดแต่เรื่องดี พูดแต่เรื่องสวยงาม จงเป็นคนสุดท้ายที่ให้ร้ายคนอื่น และจงเป็นคนแรกที่ให้กำลังใจและชื่นชม

แม่อยากให้ลูกทำเรื่องแปลกๆลูกไม่จำเป็นต้องเดินตามชีวิตประจำวันของใคร อย่าเก็บความคิดแปลก เพียงเพราะเห็นว่ามันไม่เหมือนใคร

แม่อยากสอนให้ลูกกล้าแดด กล้าฝน ภายใต้ไออุ่นของดวงอาทิตย์ลูกจะได้รับวิตามินดี และภายใต้ฟ้าที่มีฝน มันจะทำให้ลูกร้องไห้โดยไม่มีใครเห็นน้ำตา

แม่อยากสอนให้ลูกออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อยคนเราก็ต้องเคลื่อนไหวทะมัดทะแมง ลูกได้ออกแรงเสียบ้าง ลูกจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ

แม่อยากให้ลูกยิ้ม และอยู่กับโลกด้วยความรักยิ้มอาจจะไม่ชนะทุกสิ่ง ยิ้มมากๆอาจจะดูเหมือนคนบ้า แต่มันก็ดีกว่าหน้าบึ้งหน้างอเป็นไหนๆ

แม่อยากสอนให้ลูกรู้จักอดทน ลูกต้องเรียนรู้ว่าลูกไม่มีทางได้ทุกๆอย่างที่ลูกหวังไว้ อดทนและอย่าได้เสียกำลังใจ อย่าท้อและขอให้ เริ่มใหม่อย่างมีพลัง

แม่อยากสอนให้ลูกเขย่งขาขึ้นให้สูง ไม่มีอะไรที่สูงไปกว่าสองมือเราจะเอื้อมคว้า เพียงแค่ว่าเรายืนยันที่จะไม่ยืนอยู่กับที่

แม่อยากสอนให้เจ้ามีความสุข..แต่อย่าลืมทุกข์ด้วยล่ะลูก คนที่ไม่เคยมีความทุกข์ เขาสุขจริงๆไม่เป็นหรอก เจ้าเอย

ไอคิวมันติดมาแต่บนฟ้าลูกจ๋า ไม่ฉลาดก็มีความสุขได้ไม่ต้องห่วง อย่าน้อยใจถ้าตามใครเขาไม่ทัน อย่าเสียขวัญถ้าเราช้ากว่าใครๆ อีคิวมันต้องหาเองบนโลกนี้ลูกเอ๋ย ไม่ฉลาดก็น่ารักและมีความสุขได้  
                       "อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง ลูกมีกำลังใจเป็นถุงจากแม่ ไม่ต้องกลัว"

10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน

10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน


อาหารเพื่อสุขภาพ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ไม่ ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ  โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ

          อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยคะว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก เอ? ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

เบอร์รี่


1. เบอร์รี่

          แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

ไข่ไก่

2. ไข่ไก่

          ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย

ถั่ว

  3. ถั่ว

          ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย

มะม่วงหิมพานต์

  4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์

          เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

ส้ม


5. ส้ม

          เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว

มันเทศ

6. มันเทศ

          อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ

บร็อกโคลี

  7. บร็อคโคลี่

          เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

ชา

  8. ชา

          แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ

คะน้า

  9. คะน้า

          มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก

โยเกิร์ต

  10. โยเกิร์ต

          อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่า

รัดผมตึง...ระวัง โรคเครียด !! (ข่าวสด)


รัดผมตึง...ระวัง โรคเครียด !! (ข่าวสด)
          สาวๆ ที่ชอบมัดผมตึง ตกช่วงบ่ายๆ อาจจะเจอกับอาการมึนหัว อึดอัด ปวดตึงบริเวณต้นคอและท้ายทอยอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ นั่นอาจจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงความเครียดภายใต้หนังศีรษะก็เป็นได้
          จากการสัมภาษณ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเส้นผมพบว่า ผู้หญิงไทยที่ชอบมัดผม หรือคาดผมจนตึงแน่นอยู่เป็นประจำ ซึ่งทรงผมสุดเนี้ยบนี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่อาการปวดหัวเรื้อรัง และทำให้เกิดโรคเครียดตามมาโดยไม่รู้ตัว

          แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเส้นผม กล่าวว่า การรัดผม คาดผม หรือมัดผมจนตึงแน่นเป็นประจำ จะทำให้หนังศีรษะถูกเหนี่ยวรั้งมากขึ้น นอกจากจะทำให้ความกว้างของหน้าผากมากขึ้น เพราะรากผมถูกทำลายจากแรงดึงแล้ว ยังทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณศีรษะไม่สะดวก นำไปสู่อาการปวดหัวเรื้อรังและโรคเครียด ซึ่งปกติแล้วผู้หญิงทำงานต้องแบกรับความเครียดอย่างมากอยู่แล้วในแต่ละวัน ในวันทำงานจึงควรหันมาปล่อยผมสบายๆ แทนที่จะรวบผมตึงดูบ้าง เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองง่ายขึ้น และทำให้รู้สึกเป็นทางการน้อยลง จะได้ช่วยลดความเครียด และลดอาการปวด ตึง บริเวณศีรษะและท้ายทอยเนื่องจากความเครียด

          จากการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคโดยบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ โดฟ ครีมแชมพูและคอนดิชั่นเนอร์ พบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากปล่อยผมให้ผมทิ้งตัวนุ่มสลวย มีชีวิตชีวา แต่ผู้หญิงมักรู้สึกไม่มั่นใจในสุขภาพผมของตัวเอง เพราะมีเส้นผมที่ไม่แข็งแรง แห้ง ชี้ฟู ไม่เป็นทรง จึงเป็นเหตุผลให้สาวๆ หลายคนที่ไม่มีเวลาเข้าร้านเสริมสวย สระ ไดร์ ให้ผมเข้ารูปเป็นทรงสวย แก้ปัญหาด้วยการรัด มัด หรือคาดผม เพราะไม่มั่นใจในสุขภาพผมของตัวเอง
          โดฟแนะวิธีดูแลผมสวย สุขภาพดีจนปล่อยผมได้ทุกเวลาไว้ด้วยว่า ทุกเช้าหลังตื่นนอน ใช้ปลายนิ้วมือสางผมออกอย่างอ่อนโยนป้องกันปัญหาผมพันกัน ก่อนสระผมใช้แปรงไม้แปรงผมอย่างเบามือ เพื่อให้สิ่งสกปรกที่ติดผมอยู่หลุดออก เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผมที่เหมาะกับเส้นผม หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ ซึ่งอาจทำลายสมดุลของสุขภาพผมได้ หมั่นบำรุงผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น เพื่อคืนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไปให้แก่เส้นผม หลีกเลี่ยงการใส่ครีมนวดบริเวณโคนผม อย่าเกาหนังศีรษะหรือขยี้ผมแรงๆ ระหว่างสระ ควรใช้ปลายนิ้วมือนวดบำรุงหนังศีรษะอย่างอ่อนโยน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

          ขณะผมเปียกจะอ่อนแอเป็นพิเศษ หลังสระจึงไม่ควรขยี้หรือแปรงผมแรงๆ หากมีเวลาควรปล่อยให้ผมแห้งเอง หลีกเลี่ยงการไดร์ หนีบ หรือม้วนผมด้วยความร้อนสูงๆ วิธีแปรงผมที่ถูกต้องให้แบ่งผมเป็นส่วนๆ ค่อยๆ หวีผมทีละส่วนด้วยหวีไม้ซี่ห่าง หลีกเลี่ยงหวีพลาสติกที่จะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต เริ่มแปรงผมจากด้านในมาด้านนอก แปรงผมอย่างอ่อนโยนจากบนลงล่าง กินอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน วิตามินบี 6 แมกนีเซียม สังกะสี เพื่อบำรุงเส้นผม หมั่นเล็มปลายผมทุก 8-10 สัปดาห์ และสุดท้ายหลีกเลี่ยงการรัดผม มัดผม หรือคาดผมตึงแน่น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

คำสอนท่าน ว.วชิรเมธี

 คำสอนของ ท่าน ว.วชิรเมธี แค่ 4 ข้อ ก็กินใจเหลือเกิน




 1. อย่าเป็นนักจับผิด

คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง "กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก"

คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส "จิตประภัสสร" ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี"แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข"

 2. อย่ามัวแต่คิดริษยา

"แข่งกันดี ไม่ดีสักคน        ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน"

คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า "เจ้ากรรมนายเวร"  ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์  ฉะนั้น เราต้องถอดถอน

ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น "ไฟสุมขอน" (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน

เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี "แผ่เมตตา" หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา  แล้วปล่อยให้ลอยไป

 3. อย่าเสียเวลากับความหลัง

90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ "ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น"

มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย

ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ "อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน"

"อยู่กับปัจจุบันให้เป็น"  ให้กายอยู่กับจิต  จิตอยู่กับกาย คือมี "สติ" กำกับตลอดเวลา

 4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ

"ตัณหา" ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี  เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ  ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ "ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม"

ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม  เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู

คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์

เราต้องถามตัวเองว่า "เกิดมาทำไม" "คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน "ตามหา "แก่น" ของชีวิตให้เจอ

 "คำว่า "พอดี"  คือ ถ้า "พอ" แล้วจะ "ดี"    รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข"